วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เก็บสเตมเซลล์


ว่าที่คุณแม่ทั้งหลายคงเคยได้ยินเรื่องการเก็บสเตมเซลล์จากสายสะดือเด็กมาบ้างแล้ว แหม..ถ้ามีตังค์เป็นถุงเป็นถัง ใครๆก็คงอยากจะเก็บ Stem Cell ไว้ให้ลูกเผื่ออนาคตล่ะนะ แต่ด้วยค่าบริการที่แพงเหลือใจ อย่างของเจ้าดัง Thai Stem Life ก็เหยียบแสนแล้ว ทำให้เราเริ่มออกหาข้อมูลจนพบจากบล็อกคุณแม่น่ารักคนนึง http://faamet.multiply.com/journal/item/41/41 ว่าสภากาชาดไทยก็รับเก็บนะ แต่ต้องบริจาคให้เค้าไปเลย ถึงจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ คือถ้ามีคนมาขอรับบริจาค แล้วพบว่าเซลล์เข้ากันได้ ก็จะใช้สเตมเซลล์ที่่เราบริจาคไว้ (ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่มีเหลือ) ซึ่งโอกาสที่จะเข้ากันได้คือ 1 ใน 50,000 เท่านั้น ข้อจำกัดอีกเล็กน้อยคือต้องคลอดในโรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่สภากาชาดประจำอยู่ ซึ่งตอนนี้มี 5 โรงพยาบาลคือ รามา พระมงกุฎ ศิริราช จุฬา และ บำรุงราษฎร์ โชคดีที่โรงพยาบาลที่เราฝากครรภ์อยู่ในนี้พอดี เราว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีมากๆสำหรับลูกเลยนะ เกิดปุ๊บก็ได้ทำบุญแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็เก็บไว้ให้ลูกเรานี่แหละ ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติม อยากจะบริจาค ติดต่อได้ที่ 02-2639600 ต่อ 1310 นะคะ

35 weeks

ใกล้จะได้เห็นเจ้าตัวเล็กกันเข้าไปทุกทีแล้ว ตื่นเต้นจัง ตอนนี้อายุครรภ์ 35 วีคแล้ว เร่ิมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากขาบวม เท้าบวม ตอนแรกนึกว่าอ้วน เล่นเอาใจเสียเลย เพราะเราพยายามคุมน้ำหนักไม่ให้ขึ้นเยอะเกิน กลัวว่าเดี๋ยวคลอดแล้วจะลดยากนะสิ แต่เท่าที่สังเกต น่าจะเป็นอาการบวมน้ำมากกว่า เพราะช่วงเช้าหลังตื่นนอน ขายังเล็กอยู่เลย แต่พอตกค่ำก็เริ่มบวมเป่ง พอกดเนื้อลงไปมันจะเป็นรอยกดบุ๋มลงไปอ่ะ

อีกอาการนึงคือปวดข้อมือ เริ่มจากเช้าวันหนึ่งตื่นมาพร้อมกับข้อมือระบม ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพราะนอนทับ ไปๆมาๆ เอ...มันปวดทุกวันเลยแฮะ แถมตอนแรกๆ ปวดข้างขวาข้างเดียว ต่อมาพัฒนามาเป็นปวดทั้ง 2 ข้างเลย อืม..ที่ตลกกว่านั้นคือ ช่วงนี้เราติดเล่นเกม Bejeweled Blitz ใน Facebook เอามากๆ กดกระหน่ำ แต่เออแฮะ ไม่ยักปวดข้อมือขวา ดันปวดข้อมือซ้ายแทน -_-'' เอาไงดีเนี่ย พอดีไปพบคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้มา คุณหมอเลยอธิบายให้ฟังว่าเป็นอาการปกติของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนตัวหนึ่งที่ช่วยขยายหลอดเลือดทั่วร่างกาย เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงทารกได้ดีขึ้น ผลข้างเคียงคือหลอดเลือดตรงข้อมือก็ขยายใหญ่จนไปเบียดเอาเส้นเอ็นที่ยึดระหว่างกล้ามเนื้อกับกระดูกตรงข้อมือ เป็นเหตุให้ปวดข้อมือยังไงล่ะ ส่วนวิธีแก้ไขก็ไม่มี (แป่ววว) พอคลอดแล้วก็จะหายปวดไปเอง ช่วงนี้ก็ได้แต่กดๆ นวดๆ ไปเรื่อยๆ ก็ยังดีที่เป็นไม่มากเท่าไหร่ บางคนปวดมากขนาดน้ำตาเล็ดเลยก็มี

ส่วนเรื่องการนอนกลับไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย นอนได้นอนดี หลับอุตุสนิททั้งคืน มีตื่นมาเข้าห้องน้ำบ้างตามประสา ก็คงต้องยกความดีความชอบให้เจ้าหมอน Snoogle ที่อุตส่าห์สั่งตรงมาจากอเมริกา ที่ช่วยให้นอนหลับสบายทุกคืน คือมันเป็นหมอนคนท้องโดยเฉพาะ แล้วเมืองไทยไม่มีขายอ่ะ
ไม่อยากจะบอกว่าตอนแรกที่ได้มาแล้วลองใช้นี่ไม่ชอบเลย รู้สึกมันใหญ่ เกะกะจนขยับตัวไม่ได้ ตรงที่หนุนหัวก็สูงไป สารพัดจะบ่น กอดได้ครึ่งคืนก็ถีบปุ๊ลงมากองอยู่บนพื้น เพิ่งมาช่วงเดือนที่ 6-7 นี่แหละที่นอนไม่ค่อยหลับ เลยต้องกลับไปง้อเจ้าหมอนนี่ใหม่ ตอนนี้ใช้ทุกวันจนติดหมอนไปแล้ว

วันพุธที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Sizzling Scarlett in Iron Man 2




เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่งได้ไปดูหนังรอบแรกในหลายๆเดือน เหมือนได้ไปชาร์ตแบตฯอีกครั้งหลังจากที่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในบ้านมานาน เพราะพวกเสื้อแดงป่วนเมือง ทำเอาเซ็งและหดหู่ไปเลยทีเดียวที่ไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้ (ไม่นับเรื่องที่ว่ามีเจ้าตัวน้อยอยู่ในพุงเราด้วย) Central World ก็ไปไม่ได้, สยามก็ดูเสี่ยงๆ, พารากอนก็ไม่ต้องพูดกัน

ที่เราคิดถึงมากๆๆ ถึงมากที่สุดคือบรรดาของกินของโปรดทั้งหลาย ตั้งแต่ หมูทอดซาโบเต็นใน Isetan, Baby Ribs ของ Tony Roma ในพารากอน, แฮมเบอร์เกอร์แบบจีนๆ ที่เอาขนมปังบันไปนาบกระทะให้กรอบๆ ของนิวไล้ท์ที่สยาม แล้วก็ชอปปิ้ง! แบบว่าเสื้อผ้ายังซื้อทางเน็ตได้อ่ะ แต่รองเท้านี่มันต้องลองใช่มั้ย เพราะเดี๋ยวใส่แล้วไม่พอดี หรือดูแล้วสวยแต่พอใส่จริงแล้วไม่สวย อันนี้คิดถึงมากๆ รองเท้าจ๋าาาา

ระบายไปเยอะแล้ว กลับมาเข้าเรื่องเดิมกันต่อ ก็อ่ะน่ะ ยังไงก็ยังเป็นห่วงชีวิตและสวัสดิภาพของตัวเองและตัวน้อย เลยต้องไปดูหนังกันที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ก็เพิ่งจะเคยไปครั้งแรกนี่แหละ ห้างใหม่ ร้านอาหารเยอะ ของเยอะดี ชอบๆๆ ได้ไปเปิดหูเปิดตา เจออะไรใหม่ๆ อีกครั้งนี่มันสดชื่นจริงๆนะ ครั้งนี้ตั้งใจมากๆที่จะไปดู Iron Man 2 เพราะคุณผู้ชายอยากดูเป็นที่สุด ตั้งหน้าตั้งตารอตั้งแต่เมื่อตอนภาคแรกจบ เราก็ชอบนะ สนุกดี เอามันส์เข้าว่า สาระไม่ต้องพูดถึง
ขอบอกว่า ชอบ Scarlett จัง เซ็กซี่ + เท่มากๆ หุ่นดีจนน่าอิจฉา (โดยเฉพาะตอนนี้ที่เราตัวบวมเป็นปลาพะยูน) ไม่เคยคิดว่าเค้าจะเล่นหนัง action บทบู๊ๆได้ด้วย ทำเอา Gweneth (สะกดไม่ถูกแฮะ) กลายเป็นคุณป้าแก่แร้งทึ้ง จู้จี้ขี้บ่นจนน่ารำคาญ ถ้าเราเป็นโทนี่คงยิงลำแสงใส่แล้วหนีไปฟัดสการ์เล็ตแทน ฮ่าๆๆๆ

โดยรวมๆ เราว่าภาคนี้ก็สนุกดี แม้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรปะติดปะต่อกับภาคแรกเท่าไหร่ ตัวละครเพิ่มขึ้นหลายตัว แต่ที่ขัดอกขัดใจมากที่สุดคือผู้พัน Rhodes ถูกเปลี่ยนตัวจากเดิมคือ Terrence Howard เป็นคนใหม่คือ Don Cheadle ที่เราไม่ชอบเลย ดูจริงจัง ซีเรียสเกิน คนเดิมจะดูสบายๆ เข้าขากับพระเอกมากกว่า คุณผู้ชายก็เห็นด้วยกับเราเหมือนกัน (อยู่ในโอวาทภรรยาดีมาก)

ดูหนังเสร็จ ออกมาก็ไปกินไอติม SFree กัน เราอ่านๆเจอนานแล้ว แต่เพิ่งเคยกินครั้งแรกนี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าห้างชานเมืองขนาดนี้ก็มีด้วยแฮะ เป็นไอศครีมแนวพาร์เฟต์แบบญี่ปุ่น เน้นประดิดประดอยใส่นู่นนิดนี่หน่อย ดูน่าทานมากๆ กินแล้วมีความสุขที่สุดเลยฮ้าาา กินเสร็จก็ไปสอยกางเกงคนท้องมาไป 1 ตัวจากในเซ็นทรัล เพิ่งรู้นี่แหละว่ามันมีมุมขายเสื้อผ้าคนท้องด้วย แต่มาแอบอยู่ตรงชั้นเสื้อผ้าเด็ก วันก่อนเราไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้าก็หาไม่เจอเพราะมัวแต่ไปเดินชั้นเสื้อผ้าสตรี เลยต้องกลับบ้านมือเปล่าแบบเซ็งๆ แต่ราคาก็ไม่เบาทีเดียว กางเกงตัวที่เราซื้อมานี่ก็เกือบสองพัน ยังดีลดไปได้ 30% ก็ต้องกัดฟันซื้อกันเลยทีเดียว ถ้าท้องหลายๆครั้งก็คงได้ใส่จนคุ้ม (มั้ง) ส่วนใหญ่เราพยายามซื้อเสื้อแบบเดรสมากกว่าเพราะใส่ทำงานได้ด้วย แล้วก็หลังคลอดก็ยังใส่ได้อีก แถมยังซื้อเป็นแบบให้นมลูกได้ด้วยนะ มองการณ์ไกลมั้ยล่ะ ^^

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

Preemie?

ชื่อก็ฟังดูน่ารักดี แต่รู้มั้ยว่ามันหมายถึงอะไร บรรดาว่าที่คุณแม่ทั้งหลายคงไม่อยากให้ลูกน้อยออกมาเป็นพรีมี่แน่นอนคือ "เด็กที่คลอดก่อนกำหนด" ค่ะ

Preemie ย่อมาจาก Premature baby ปกติแล้วทารกจะคลอดในช่วงอายุ 38-40 weeks สำหรับเด็กที่คลอดตอนอายุยังน้อยกว่า 37 weeks ก็จะถือว่าเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ซึ่งหมายความว่าอวัยวะต่างๆยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ดี มีโอกาสเสียชีวิตในช่วงเดือนแรกมากกว่าทารกที่คลอดตามกำหนด ช่วงแรกๆก็จะต้องอยู่ในตู้อบจนกว่าจะสมบูรณ์

เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่ออาทิตย์ก่อนเราไปพบคุณหมอมาเพื่อตรวจครรภ์ 20 weeks ก็รายงานไปว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกเริ่มดิ้น, มีปวดท้องช่วงบนๆ บ้าง, เป็นตะคริวที่ขาครั้งนึง ฯลฯ คุณหมอก็เลยให้ขึ้นเตียง ขอตรวจดูหน่อย พอคุณหมอมาจับๆท้อง ก็เริ่มมีสีหน้าเครียดเล็กน้อย แล้วบอกว่าท้องเราแข็งๆ ตึงๆ นะ จากประสบการณ์และการสังเกตุ 15 ปี ของหมอ มีแนวโน้มว่าอาจคลอดก่อนกำหนด เพราะปกติพุงคนท้องจะนิ่มๆ หน่อย ประมาณว่ากดลงไปแล้วหยุ่นๆ นุ่มนิ่มๆ เราก็เริ่มตกใจล่ะซิ เริ่มกังวลไปต่างๆนานา คุณหมอก็เริ่มพูดไปเรื่อยถึงสาเหตุของการคลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่ว่าเดินหรือยืนนานเกิน 2 ชม. ดื่มน้ำน้อย อั้นปัสสาวะบ่อย ติดเชื้อทางช่องคลอด หรือมีซีสต์ในมดลูก

ถ้าถามเราว่าอันไหนเป็นไปได้มากสุดก็น่าจะเป็นดื่มน้ำน้อยนี่ล่ะ เพราะปกติเราเป็นคนดื่มน้ำค่อนข้างน้อย แทบจะไม่เคยดื่มได้หมดแก้วเลย จะเป็นแบบค่อยๆจิบทีละอึกสองอึก แล้วเวลายุ่งๆ ก็จะไม่ได้ดื่มน้ำเลย เว้นแต่จะรู้สึกคอแห้งจริงๆ เวลาอยู่บ้านหรือที่ทำงานก็แทบจะไม่ได้ดื่มเลย เพราะมันเหมือนจะต้องรีบทำอย่างอื่นก่อนตลอดเวลา ไปๆมาๆก็ลืม รู้ทั้งรู้อ่ะนะว่าควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว แต่เราก็เป็นคนดื่มน้ำน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทีนี้พอรู้ตัวว่าอาจทำให้คลอดก่อนกำหนด ก็เลยต้องเตือนตัวเองให้บ่อยขึ้น แทบจะนับเลยว่าวันนี้ดื่มน้ำกี่แก้วแล้ว เพราะถ้าลูกออกมาแล้วไม่แข็งแรง เราคงรู้สึกผิดแล้วก็สงสารลูกมากๆ ที่ไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดีๆ

มองในแง่ดีแบบแม่เรา ก็ต้องบอกว่าโชคดีแล้วนะที่หมอตรวจเจอตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ระมัดระวังตัวเอง ใส่ใจให้มากขึ้น เพราะอันที่จริงแล้วเด็กที่คลอดก่อนกำหนดส่วนใหญ่จะไม่รู้ล่วงหน้า เลยทำให้ไม่สามารถชะลอการคลอดได้ทันท่วงที

ผลพลอยได้อีกอย่างนึงของการดื่มน้ำเยอะๆ คือระบบขับถ่ายดีขึ้นอย่างชัดเจน ไม่มีอาการท้องผูกอีกเลย แต่ว่า..หน้าท้องเราก็ยังแข็งเหมือนเดิมอ่ะ ก็ได้แต่ภาวนาพร้อมบอกลูกน้อยในท้องว่า ลูกจ๋า ไม่ต้องรีบออกมาน้าาา อยู่นอนเล่นในท้องแม่ไปก่อน ใจเย็นๆ อดทนรอหน่อย ก็ไม่รู้จะฟังกันบ้างหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ดิ้นบ่อยจริงๆ เลย อย่างนี้ท่าทางจะแข็งแรงน่าดูเน้อออ

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

Nicoise Salad

Finding what to cook & eat has never been more challenging for me than in this phase of life. I tried hard to have a healthy diet bearing in mind I should eat at least 5 different kinds of veggies and fruits everyday as well as increase my usual protein intake, while staying low on carb and fat. Until I remembered how good Nicoise salad tasted and yes, it fulfills all my criteria (not to mention how easy it is to prepare too)!

So I begin to make it more and more often nowadays. All the ingredients are easy to find and can be kept well for some time. Most of them are basic cupboard food stables, so it's very convenient. If you don't have something then it's okay to forget about it, but I find the must-haves are eggs and canned tuna with some greens. For me, it just isn't Nicoise Salad at all without them.

All you need is some Cos lettuce or you can of course substitute it with rocket leaves or some other lettuce. Then some chunks of tomatoes or cherry tomato and boiled french beans which give an additional texture to the salad. I was kind of too lazy last time so I didn't put it in. I like medium hard-boiled eggs because it's a bit soft inside and looks more pretty when quartered. Topped it with canned tuna, some black olives and salad dressing - a combination of vinegar, extra virgin olive oil, salt, freshly grounded black pepper and mustard. Then you have it, Nicoise salad which tastes as good as it looks.

Actually, the original one from France will have anchovies fillet on top, but I find the smell too strong especially during this pregnancy period. So I choose to opt it out but the choice is yours.

มากิน Nicoise Salad กัน



ช่วงนี้รู้สึกคิดเมนูคนท้องลำบากมากขึ้นทุกที ว่าจะทำอะไรกินดีหนอ ถึงจะกินผักผลไม้ได้ครบ 5 อย่าง แบบมีโปรตีน ไขมันและแป้งต่ำตามที่คุณหมอบอก
จนกระทั่งนึกถึงเจ้าสลัดนี่แหละ ที่ตอบโจทย์ทุกอย่างของเราได้ แถมยังทำง่ายสุดๆด้วย!

พักนี้เลยทำกินค่อนข้างบ่อย เพราะวัตถุดิบก็หาง่าย เก็บได้หลายวันในตู้เย็น แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นของที่มีติดบ้านไว้ตลอดอยู่แล้วด้วย หรือถ้าไม่มีบางอย่างจะตัดออกไปก็ได้ แต่สำหรับเรา ที่ขาดไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นยังไงก็ไม่เป็น Nicoise Salad ก็คือทูน่ากระป๋องกับไข่ต้มบนสลัดนี่ละ

วัตถุดิบที่ใช้ก็เริ่มจากผักสลัดคอส หรือผักสลัดอื่นๆก็ได้ ใครงบเยอะหน่อยก็ใช้ร็อกเก็ตก็ได้ จากนั้นก็ใส่มะเขือเทศ อาจจะใช้ลูกใหญ่แล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ หรือใช้มะเขือเทศเชอรี่ลูกเล็กๆ ก็ได้ ตามด้วยถั่วแขกลวกหั่นเป็นท่อนๆ ทำให้สลัดมีเนื้อมีหนังมากขึ้น แต่ถ้าดูจากรูปจะเห็นว่าเราไม่ได้ใส่เพราะขี้เกียจ (ฮา) ส่วนไข่ต้ม เราชอบแบบเกือบสุกเพราะข้างในจะยังนิ่มๆ อยู่ แล้วไข่แดงก็จะสวย น่ากินกว่าด้วย เสร็จแล้วก็เปิดกระป๋องทูน่า โยนๆ ลงไปให้ทั่วๆ ใส่มะกอกดำนิดหน่อย ราดน้ำสลัดแบบใส ทำง่ายๆ แค่ผสมน้ำมันมะกอกกับน้ำส้มสายชู เกลือ พริกไทยดำบด และมัสตาร์ดเข้าด้วยกัน แค่นี้ก็จะได้สลัดหน้าตาน่าทาน แถมยังอร่อยอีกด้วย

จริงๆแล้ว ต้นตำรับของฝรั่งเศสเค้าจะใส่แองโชวี่ด้วยอ่ะนะ แต่ช่วงที่ท้องอยู่ เราว่ากลิ่นมันออกจะรุนแรงไปสักหน่อย เลยขอไม่ใส่ดีกว่า อันนี้ก็ตามสะดวกจ้า

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

2nd ultrasound scan



Yesterday I had my 2nd ultrasound scan as part of the triple test at Bumrungrad Hospital. It was to check whether the baby has Down Syndrome or any other abnormalities. Of course it got me a little worried about the results although the chances are only 1/700 for mothers aged less than 35, but nevertheless the chance is there, right?

Well, luck was on my side and I couldn't be happier :) My husband and I were thrilled to see our baby almost fully formed for the 1st time. Together with little fingers and hands, we could already see the baby's heart and hear it beat at 146bpm. What an amazing creature!


The scan also showed that the baby is now about 16 weeks and is due around early September. That's a week earlier than the last prediction from my 1st scan. Would that make him/her a Leo or Virgo? We're still waiting for the full results but from the scan alone, the doctor who's really nice and sweet said our baby is healthy and show no sign of Down Syndrome. It's such a big relief to hear that after months of living in secret fear. It was that dental X-ray last December before I found out about this baby that got me worried the most. Thank you the angel and my guardian for protecting me as you always do.

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิตามินและอาหารเสริมสำหรับคนท้อง

พอรู้ตัวว่าท้องปุ๊บ เราก็เริ่มค้นหาข้อมูลทันทีว่าควรจะต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง ต้องกินวิตามินอะไรเสริมบ้าง ลูกออกมาจะได้แข็งแรง ก็มีอยู่หลายตัวที่คนท้องควรกิน ขอเรียงลำดับเลยละกัน

1. โฟลิค แอซิด (Folic Acid) อันนี้สำคัญมากๆ เพราะจะให้วิตามินที่เรียกว่า โฟเลต (Folate) ซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก หากได้รับไม่เพียงพออาจเกิดความพิการในสมองและระบบประสาทไขสันหลังของเด็ก อึ๋ยๆ ฟังแล้วน่ากลัวจัง ทำเอาเราไม่กล้าลืมกินโฟลิคเลย (ปกติลืมประจำ กินมั่งไม่กินมั่ง) จริงๆแล้วตัวนี้ ควรเริ่มทานตั้งแต่ตอนที่เตรียมตัวมีน้องได้เลย วันละ 400 มคก. มีขายเป็นเม็ดเล็กๆ สีเหลือง เม็ดละ 70 สตางค์เอง ถูกมากๆ ตามร้านขายยา กินมากกว่านี้ก็ไม่มีอันตรายนะ แต่ถ้ากินน้อยไปล่ะก็ มีปัญหาแน่ๆ อันที่จริงทานผักใบเขียวก็จะได้กรดโฟลิคบ้างเหมือนกัน แต่เอาชัวร์ๆ ก็กินเสริมเอา จะมั่นใจกว่านะ ว่าได้รับในปริมาณที่เพียงพอ

2. แคลเซียม (Calcium) อันนี้คุณหมอที่ไปฝากครรภ์ พอดีเป็นญาติทางสามี เค้าเขียนรายละเอียดให้เราไปซื้อเอง เพราะถ้าจ่ายยาจากโรงพยาบาลนี่แพงหูฉี่แน่ๆ ระดับบำรุงราษฎร์นี่นา อันนี้หมอบอกให้ทานเสริมวันละ 600-1000 มก. ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินของเราว่ากินนม, นมถั่วเหลือง หรือได้รับแคลเซียมจากอาหารประจำวันมากแค่ไหน อย่างเราเนี่ยกินนมวัวไม่ได้เพราะแพ้แลกโตส กินแล้วจะท้องเสียทรมานมาก ก็เลยต้องทานแคลเซียมเม็ดเสริมแน่นอน ตัวเลือกก็มีหลายยี่ห้ออยู่ แต่สุดท้ายก็เลือก Caltrate อ่ะนะ เพราะก็รู้จักอยู่ยี่ห้อเดียว แล้วราคาแต่ละแบรนด์ก็ไม่ค่อยต่างกันมาก เม็ดนึงก็ 600 มก. เท่าๆกันหมด สำหรับแคลเซียม คุณหมอย้ำว่าควรแยกทานจากวิตามินอื่นๆ ง่ายๆ ก็แยกมื้อไปเลย เพราะวิตามินอื่นมักไปรบกวนการดูดซึมของแคลเซียม (หรือกลับกันนี่แหละ จำไม่ค่อยได้แระ) ทำให้ดูดซึมได้ไม่เต็มที่ เราค้นพบว่าควรทานแคลเซียมมื้อเช้าดีที่สุด เดี๋ยวจะบอกต่อไปว่าทำไม

ทางเลือกอื่นสำหรับคนที่แพ้นมวัวอย่างเรา แต่อยากได้แคลเซียมจากอาหาร ก็คือโยเกิร์ตนั่นเอง ยิ่งเดี๋ยวนี้มีพวกบิวตี้โยเกริ์ตแบบแคลเซียมสูง ไขมันตำ่เยอะแยะ ก็กินพวกนั้นล่ะ เราชอบของเมจินะ อ่านข้อมูลโภชนาการข้างกระปุกแล้วเขาว่า 1 กระปุกให้แคลเซียม 45% RDA (แต่ไม่รู้กี่มิลลิกรัม?) กินแล้วไม่อ้วนด้วย หวานๆเปรี้ยวๆ อร่อยดี ชอบๆๆ ที่กินโยเกิร์ตได้แม้ว่าทำจากนมวัว ก็เพราะในกระบวนการทำโยเกริ์ต น้ำตาลแลกโตสในนมจะถูกย่อยสลายจนหมดแล้ว กินได้สบายใจ อาหารอย่างอื่นก็พวกเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ปลาเล็กปลาน้อย​ (เน้นก้างปลา), ผักใบเขียว

แคลเซียมนี่ จริงๆ ไว้ทานตอนอายุครรภ์ 15 สัปดาห์ไปแล้วก็ได้ เพราะช่วงแรกๆ น้องยังไม่มีพัฒนาการของกระดูก เลยยังไม่ค่อยจำเป็นมากนัก แต่เราก็กินตุนไว้ก่อน

3. เหล็ก (Iron) คุณหมอสั่งมาเช่นกัน ว่าควรทานเสริมเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์ขึ้นไป ตัวที่เราเลือกคือ OBIMIN AZ เพราะมีทั้งเหล็กและวิตามินแร่ธาตุอื่นๆ รวมอยู่ด้วยกันหลายตัว แล้วก็มีโฟลิกแอซิด ตั้ง 1 มก. ด้วย ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ เพราะที่เค้าแนะนำกันคือทานแค่ 400 มคก. ก็พอแล้ว (1 มก. = 1,000 มคก.) ดังนั้น พอทานเจ้า OBIMIN AZ แล้วก็ไม่ต้องทานกรดโฟลิกแยกต่างหากอีกแล้วก็ได้ เม็ดเดียวอยู่ แต่ปัญหาคือบางคนทานธาตุเหล็กเสริมแล้วจะคลื่นไส้ ซึ่งปกติ 3 เดือนแรกก็แพ้ท้อง ทรมานจะแย่อยู่แล้ว T_T อย่าให้มันมาซ้ำเติมชีวิตเราเลย เพราะฉะนั้น ควรกินเจ้านี่ตอนก่อนนอนค่ะ จะได้ไม่แพ้มากนัก และอันที่จริงแล้ว เวลาทานอาหารเสริมทั้งหลาย เราควรทานหลังมื้ออาหาร เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น จึงเป็นเหตุอันชอบธรรมในการกินมื้อดึก (เล็กๆ) อีกด้วย ระวังก็แต่ว่าอย่าดื่มนมพร้อมธาตุเหล็กละกัน เพราะมันจะไปขัดขวางการดูดซึมการกันและกันแทน ข้อนี้ในคลาสอบรมคุณแม่ตั้งครรภ์ที่บำรุงราษฎร์เค้าบอกมา

4. น้ำมันปลา (Fish Oil) ตัวนี้เค้าว่ากินแล้วลูกจะฉลาด สมองไว อ๊ะ! อย่างนี้ไม่พลาดอยู่แร้ว เรากินทั้งแบบแคปซูล แล้วก็ไข่ Omega 3 เลย โด๊ปกันเข้าไป สู้ๆ บางคนที่กลืนยายาก ขอแนะนำให้กินน้ำมันปลาแบบเม็ดเล็กคือ 500 mg แล้วก็เลือกดูที่มีปริมาณ DHA และ EPA สูงๆ หน่อย แบบ Pharmaceutical Grade คือจะได้ไม่มีสารปนเปื้อนมากนัก เรากินยี่ห้อ Perfex Hotli เพราะมีสปอนเซอร์ อิอิ

อื่นๆ ก็มีวิตามินซี ยิ่งช่วงนี้คนรอบตัวเราเป็นหวัดกันทั้งนั้น ยิ่งต้องรักษาเนื้อรักษาตัวน้าาา เพิ่มภูมิต้านทานไว้ก่อนเป็นดี อัดวิตามินซีกันเข้าไป ที่เรากินคือ Ester C มันจะพิเศษกว่าวิตามินซีทั่วไปตรงที่มันดูดซึมได้ดีกว่า ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้มากกว่า (คนขายว่างั้น) เท่าที่กินมาเป็นปีแล้วก็ให้คนรอบข้างกินด้วย ก็รู้สึกนะว่าไม่ค่อยเป็นหวัดบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้เป็น Placebo effect หรือเปล่า

สรุป : ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก ทานโฟลิก แอซิด วันละ 400 มคก.
หลังจากนั้น ควรทานแคลเซียม 600-1000 มก. มื้อเช้า, ธาตุเหล็ก 27 มก. ก่อนนอน เสริมด้วยน้ำมันปลาและวิตามินซี

อย่าลืมกินอาหารครบ 5 หมู่ ผัก ผลไม้วันละ 5 ชนิดนะจ๊ะ

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำยังไงให้ท้อง?

ตอนก่อนแต่งงาน เรากลัวมากๆว่าจะมีลูกไม่ได้ เพราะเห็นเพื่อนๆ แล้วก็คนรู้จักหลายๆคนที่แต่งงานไปแล้ว อยากมีลูกก็มีไม่ได้ซะที เราเองก็อายุ 30 กว่าแล้ว แถมช่วงหลังๆนี่ ปวดท้องประจำเดือนแต่ละทีงี้ทรมานมากกกก แบบครั้งล่าสุดก่อนแต่งเนี่ย ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลยอ่ะ เราเลยกลัวว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แถมตอนที่อยู่ รพ. พยาบาลก็มาพูดอีกว่า เนี่ยเค้าเองก็ปวดท้องเมนส์อย่างเงี้ย พอไปตรวจเลยเจอว่าเป็นซีสต์ในมดลูก เล่นเอาเราขวัญผวาไปเลย เพราะแก่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยไปตรวจภายในเลย (อายหมออ่ะ)

แต่เอาเข้าจริง แต่งมาได้ไม่ทัน 2 เดือนก็ท้องแล้วจ้า ^o^ เปิดปุ๊ปติดปั๊บอย่างนี้ ทำเอาสามีเราได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญจากญาติสนิทมิตรสหาย ว่านายแน่จริงๆ แน่นอนว่าสามีสุดปลื้ม แต่เราว่าส่วนนึงเป็นเพราะเราก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่างไข่ไก่ก็กินไข่ Omega 3 ผักก็ต้อง Organic หรือปลอดสารพิษ เนื้อสัตว์ก็ซื้อพวก Hymeat กินข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต แล้วเราไม่ค่อยซื้ออาหารนอกบ้านกินด้วย คือจะเอาข้าวเช้ากับข้าวกลางวันที่ทำเองไปกินที่ทำงาน มื้อเย็นก็กลับมาทำกับข้าว ก็เหนื่อยหน่อยอ่ะนะ แต่ก็รู้สึกว่าควรทำเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

อีกปัจจัยนึง ไม่รู้ว่าเกี่ยวด้วยหรือเปล่า คือตอนที่เราปวดประจำเดือนมากๆ เนี่ย เรากินวิตามินเสริมเยอะมาก ตั้งแต่ Evening Primrose Oil, Fish Oil, Magnesium, Ester C แล้วก็ชีวโมเลกุลที่เป็นเซลล์จากรังไข่ด้วย ชื่อ Muspathie 4 กินคู่กับเซลล์องค์รวมคือ Vitaline เรียกได้ว่าโดปบำรุงทุกขนาน ซึ่งหลังจากนั้น เราก็ไม่ค่อยปวดท้องเมนส์อีกเลย และแน่นอนว่าตอนนี้ก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากภาวะนั้นอีกไปอย่างน้อย 6 เดือน อิอิ

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Pregnancy Book

It's funny how I wanted to start writing a blog and decided to use "Soul Searching", the same name as my Pantip login and it just happens to coincide with this current phase of my life. Now that I have another "soul" inside me, perhaps it's the end of the journey for soul searching?

I'm now 12 weeks pregnant and ever since I found out I'm becoming a mama, I spent loads of time reading about how to take care of myself. Since I've collected quite a few useful info, I think it might be beneficial to share it with other people, especially mums-to-be too.

First, a friend of mine who's a UK physician sent me this really useful link to Pregnancy Book on NHS website

http://www.dh.gov.uk/en/Publicationsandstatistics/Publications/PublicationsPolicyAndGuidance/DH_107302

Now, that's a reliable source you can trust. I found it very informative, better than the local pregnancy handbook (คู่มือดูแลการตั้งครรภ์) which has been re-printed for 34 times or so.

Next time I'm going to write about vitamins and dietary supplements I've been taking.